Arts Network Exhibitions
ปรมาจารย์ศิลปะร่วมสมัยตุรกีเปิดนิทรรศการเดี่ยว
สนับสนุนโดยสถานทูตตุรกี
พิธีเปิดงานในวันศุกร์ที่ 14 สิงหาคม 2558 ตั้งแต่เวลา 18:30 น. เป็นต้นไป
หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานครจะจัดแสดงนิทรรศการเดี่ยวผลงานศิลปะจิตรกรรมร่วมสมัยของ มร. เดฟริม เออร์บิล ปรมาจารย์ศิลปะตุรกีร่วมสมัยชั้นนำ ระหว่างวันที่ 11 สิงหาคม ถึง 13 กันยายน 2558 นิทรรศการดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากสถานเอกอัคราชทูตตุรกีประจำประเทศไทย โดยมีสายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์เป็นผู้อุปถัมภ์ ทั้งนี้ พิธีเปิดนิทรรศการอย่างเป็นทางการจะมีขึ้นในศุกร์ที่ 14 สิงหาคม 2558 เวลา 18.30 น.
นิทรรศการ “จิตรกรรมนามธรรมจากอิสตันบูลสู่กรุงเทพ – Poetic Abstractions from Istanbul in Bangkok” เป็นการสำรวจเมืองอิสตันบูลผ่านสายตาของศิลปินร่วมสมัยที่ได้รับการยอมรับนับถือมากที่สุดของตุรกี นับเป็นนิทรรศการเดี่ยวผลงานจิตรกรรรมของศิลปินชาวตุรกีครั้งแรกที่จัดขึ้น ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ
บริษัท บางกอก พับบลิค รีเลชั่นส์ จำกัด โทรศัพท์ 02-664 9500
กัณฑิชา บุญโพธิ์แก้ว ต่อ 112 หรือภัตติมา ก้อนฝ้าย ต่อ 113
—
สนับสนุนโดย
—
เกี่ยวกับเดฟริม เออร์บิล
เดฟริม เออร์บิล เป็นศิลปินที่ผสานภูมิหลังที่หลากหลายทางภูมิศาสตร์เข้าไปในงานศิลปะของตน เขาได้รับการศึกษาในกรุงมาดริด บาร์เซโลนา ปารีส และลอนดอน ฉายแววศิลปินตั้งแต่อายุยังน้อย และได้รับเลือกเป็น “ศิลปินรุ่นเยาว์แห่งปี” ในปี 2511 เขาได้รับรางวัล “ศิลปินแห่งรัฐ” อันทรงเกียรติของประเทศตุรกีในปี 2534
เขาสามารถผสมผสานความสามารถในด้านการบริหารจัดการเข้ากับพรสวรรค์ในด้านศิลปะ และมีบทบาทโดดเด่นในการส่งเสริมผลงานศิลปะของตุรกีมาโดยตลอด เขาดำรงตำแหน่งเป็นนายกสมาคมศิลปะร่วมสมัยของตุรกี นายกสมาคมทัศนศิลป์ และผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ศิลปะจิตรกรรมและประติมากรรมแห่งเมืองอิสตันบูล
มุมมองของ เดฟริม เออร์บิล
ศิลปะกับชีวิตของผม
• ผมเป็นคนที่ทำงานอยู่ตลอดเวลา งานจิตรกรรมในช่วงวัยเด็กของผมจะคล้ายๆ กับการค้นพบธรรมชาติในแง่มุมใหม่ๆ ทุกวันนี้ ผมยังคงรู้สึกตื่นเต้นเหมือนเดิม
• ผมคิดถึงอาชีพที่ตัวเองอยากเป็นมากตั้งแต่เด็ก ผมไม่เคยสงสัยเลยว่าตัวเองตัดสินใจถูกแล้วที่เลือกเดินตามความใฝ่ฝันของตัวเอง แม้จะรู้ดีว่าเป็นเรื่องยากที่จะยึดการเป็นศิลปินเป็นอาชีพหลัก ถ้าเกิดใหม่ได้ ผมก็จะเลือกเหมือนเดิม
• ผมสร้างมิตรภาพที่ทรงคุณค่ามากมายในช่วงที่เป็นนักศึกษา ผมจะได้รับอิทธิพลอย่างมากจากอาจารย์ของผม คือ ท่านเบดรี ราห์มี เอยูโบกลู นักศึกษาที่สามารถรับอิทธิพลที่ยิ่งใหญ่และต่อยอดไปได้ล้วนแล้วแต่เป็นศิลปินตัวจริง
• ตั้งแต่ยังอายุน้อยๆ ผมก็อยากจะถ่ายทอดความปรารถนาที่ผมมีต่อศิลปะ นั่นคือเหตุผลที่ผมเลือกทำงานให้สถาบันศิลปะ เป็นผู้บรรยาย และเข้าไปมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางวัฒนธรรมและกิจกรรมของพิพิธภัณฑ์
• ผิวสัมผัสของชุมชนเมืองในย่านอนาโตเลียคือธีมสำคัญในงานศิลปะของผม
• ผมชอบที่จะจับเอาความจริงของธรรมชาติมาใส่มิติความสุนทรีย์และสร้างสรรค์บทกวีในธรรมชาติ
• ผมเชื่อว่างานจิตรกรรมมันต้องใช้สายตามองจึงจะเห็นชีวิตชีวา และจะต้องมีคนเห็นมากที่สุด ไม่ใช่เก็บเอาไว้ให้คนเห็นจำนวนจำกัด ผมอยากจะสร้างงานจิตรกรรมที่มีคนเห็นเป็นร้อยๆ คน นั่นคือเหตุผลที่ผมศึกษาเทคนิคและวัสดุที่แตกต่างกัน เช่น โมเสก เซรามิก ผ้า และกระจกสี
• นั่นก็เป็นเหตุผลที่ผมสนใจศิลปะที่สามารถผลิตซ้ำเป็นพิเศษ เช่น ศิลปะที่สร้างด้วยเทคนิคแกะสลักและซิลค์สกรีน
• ต้องใช้เวลามากทีเดียวในการสร้างสรรค์งานจิตรกรรมและทำให้มันดีขึ้น แต่ผมก็รู้ว่าตัวเองมีเวลาจำกัด
• ผมมักจะเริ่มทำงานจิตรกรรมหลายๆ ชิ้นพร้อมกัน เมื่อถึงเวลา มันก็จะคืบหน้าไปเอง
• ผมรู้สึกตื่นเต้นกับงานจิตรกรรมของตัวเอง และแสดงออกให้คนรอบข้างเห็นอย่างเต็มที่
• งานจิตรกรรมของผมคือบทกวีที่ผสานศิลปะเป็นเนื้อเดียวกับชีวิต ผมแค่อยากจะให้คนมีความสุขที่ได้เห็น
• เวลาที่มีอะไรเข้าไปในงานจิตรกรรมของผม มันไม่สามารถที่จะขยับออกไปง่ายๆ มันเหมือนกับจังหวะของต้นไม้ นก และการเคลื่อนไหวของท้องทะล